นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันโครงการจัดหารถโดยสารดีเซลรางปรับอากาศ 184 คัน พร้อมอะไหล่ วงเงินประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท ยังคงอยู่ที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ โดยที่ผ่านมา รฟท. ส่งข้อมูลตอบกลับ และประสานหารือร่วมกับ สศช. อย่างต่อเนื่อง ซึ่ง สศช. ให้ความร่วมมือดีมาก เป็นบรรยากาศที่ค่อนข้างดี แต่เรื่องนี้จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เมื่อใดเป็นอีกเรื่อง วันนี้ทั้งสองฝ่ายกำลังทำงานกันอย่างหนัก และขณะนี้เป็นยุคที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ จากเดิมที่ รฟท. เสนอว่าจะเป็นรถดีเซลราง ก็อาจเปลี่ยนเป็นรถพลังงานไฟฟ้า (อีวี) ซึ่งจะไม่กระทบวงเงิน ยังอยู่ในกรอบวงเงินเดิม
นายนิรุฒ ยังกล่าวถึงแผนการดำเนินโครงการจัดหารถโดยสารทดแทนรถด่วนพิเศษ และรถด่วน 182 คัน วงเงินประมาณ 1.03 หมื่นล้านบาทว่า เรื่องนี้แม้จะมีวาระเสนอให้คณะกรรมการ (บอร์ด) รฟทคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. พิจารณาตั้งแต่เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้มีการพิจารณา เพราะ รฟท. ต้องการทำเรื่องนี้ให้รอบคอบ และมีหลายมิติ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อเสนอเรื่องไปกระทรวงคมนาคมแล้ว จะมีนโยบายอะไรอีกหรือไม่ ซึ่งจากบทเรียนที่ผ่านมาเมื่อเรื่องเสนอไปยังกระทรวงคมนาคมแล้ว ไม่สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงคมนาคม หรือเจ้ากระทรวง จึงทำให้เรื่องล่าช้า และที่สำคัญการจัดหารถโดยสารดีเซลรางปรับอากาศ 184 คัน ก็ยังอยู่ที่ สศช. ดังนั้นจึงยังมีเวลา ขอพิจารณาทุกอย่างให้รอบคอบก่อน
นายนิรุฒ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จะขอพิจารณาเรื่องเทคโนโลยีของรถอีกครั้งว่า จะสามารถจัดหารถเทคโนโลยีที่มีความก้าวล้ำกว่าปัจจุบันได้หรือไม่ ซึ่งอาจไม่ต้องถึงกับเป็นรถไฟพลังงานไฮโดนเจน แต่อาจเป็นรถไฟอีวีได้หรือไม่ รวมถึงรูปแบบวิธีการจัดหารถ มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ รฟท. ไม่ต้องลงทุนเอง โดยวิธีการได้มาของการจัดหารถ ก็มีหลากหลายวิธี อาทิ จัดซื้อ, การเช่าดำเนินงาน (Operating lease) และการเช่าการเงิน (Financial lease) ซึ่งที่ผ่านมาส่วนใหญ่ รฟท. ใช้วิธีซื้อ ดังนั้นจึงต้องมาพิจารณาวิธีการใหม่ๆ บ้าง เหมือนการจัดหาเครื่องบินที่สายการบินไม่ต้องลงทุนจัดซื้อเองคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
นายนิรุฒ กล่าวอีกว่า รฟท. เคยหารือนอกรอบกับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ถึงวิธีการจัดหาที่ไม่ต้องกู้เงิน เพราะวิธีการที่จะได้มาโดยการหาประโยชน์ร่วมกันมีหลายวิธี แต่จะเป็นการร่วมทุนหรือไม่นั้น ยังไม่ได้มีการหารือในรายละเอียด อย่างไรก็ตามเรื่องการร่วมทุนกับเอกชน ตราบใดที่ทำแล้วเป็นประโยชน์สูงสุด ส่วนตัวก็คิดว่าสามารถทำได้ เพียงแต่หากจะใช้วิธีการร่วมทุนจริง ก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบ อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นเรื่องของเครื่องไม้เครื่องมือ ไม่ว่าจะได้รถมาโดยวิธีใด แต่บุคลากรของ รฟท. จะเป็นผู้ขับรถไฟเหมือนเดิม
นายนิรุฒ กล่าวด้วยว่า ในเร็วๆ นี้ รฟท. เตรียมเสนอโครงการจัดซื้อรถโบกี้บรรทุกสินค้า (บทต.) หรือแคร่ขนสินค้า 946 คัน วงเงิน 2,459 ล้านบาท ไปยังกระทรวงคมนาคม ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่พิจารณาเห็นชอบต่อไป ซึ่งแคร่ขนสินค้าเป็นเครื่องมือที่มีความจำเป็น และต้องพยายามจัดหาอย่างเร่งด่วน เพื่อรองรับความต้องการในการขนส่งสินค้าทางรางของไทยที่ทวีคูนมากขึ้น โดยทุกวันนี้ ตัวเลขการขนส่งสินทางค้าทางรางที่ไม่เพิ่มขึ้น เพราะ รฟท. ไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือ แคร่ก็ไม่มี หัวรถจักรแม้จะเพิ่งได้มาใหม่ แต่ก็ยังไม่เพียงพอ หัวรถจักรที่มีอยู่เดิมก็เสีย อย่างไรก็ตาม การจัดซื้อแคร่นั้น รฟท. มีแผนจัดหาประมาณกว่า 2 พันคัน โดยครั้งนี้เป็นการดำเนินการในระยะ (เฟส) ที่ 1 ส่วนเฟสที่ 2 และ 3 จะจัดหาในรูปแบบอื่นนอกจากการจัดซื้อหรือไม่ ต้องมาพิจารณากันอีกครั้ง.