ข้อมูลของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องการเก็บ 3 คะแนนเพื่อให้มั่นใจว่าจะรั้งตำแหน่งรองจ่าฝูงและได้ผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่า แชมเปี้ยส์ ลีก ในฤดูกาลหน้าโดยอัตโนมัติ ในขณะที่การเยือนสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ของเกล็นน์ โรเดอร์ เป็นงานหนักที่สุดหลังจากเริ่มต้นคุมทีม 6 นัดยังไม่แพ้ใครนับตั้งแต่เข้ารับงานเป็นกุนซือชั่วคราวให้กับนิวคาสเซิล ร่วมกับอลัน เชียเรอร์
แชมป์คาร์ลิ่ง คัพ กำลังจะคว้าชัยชนะ 4 นัดรวดในพรีเมียร์ชิพ และเป็นชัยชนะ 6 นัดติดต่อกันที่โรงละครแห่งความฝัน พวกเขาลงเล่นในบ้านไม่แพ้ใครมาแล้ว 16 นัดในทุกรายการ
ปิศาจแดง ชนะมาแล้ว 4 นัดรวดในทุกรายการในการพบกับนิวคาสเซิล และยังไม่แพ้ใน 9 นัด พวกเขาเก็บได้ทั้ง 9 คะแนนจาก 3 นัด และชนะ 6 นัดจาก 7 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ชิพในการพบกับเจ้าสาลิกาดง รวมถึงชัยชนะ 2-0 ที่สนามเซนต์ เจมส์ พาร์ค เมื่อเดือนสิงหาคม เวย์น รูนี่ย์ ทำประตูแรกในนาทีที่ 66 โดยโฉบเข้าหาบอลอย่างรวดเร็วเพื่อทำประตูหลังจากฌอง อแลง บูมซง กองหลังของนิวคาสเซิล ทำพลาดในการสกัดลูกสาดยาวของเอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ และบูมซง ก็มาพลาดอีกครั้งทำให้รุด ฟาน นิสเตลรอย ทำประตูที่ 2 ให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นโอกาสที่ปิศาจแดง จะชนะนิวคาสเซิล ได้ทั้ง 2 นัดเป็นครั้งที่ 4 ในพรีเมียร์ชิพและเป็นครั้งที่ 9 ตั้งแต่ที่เคยพบกันมาในลีก
นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ชนะ 5 นัดและเสมอ 1 นัดจาก 6 นัดนับตั้งแต่โรเดอร์ และเชียเรอร์ เข้ารับหน้าที่คุมทีม โดยทั้งหมดนั้นเป็นเกมพรีเมียร์ชิพยกเว้นเกมที่ชนะเซาแธมป์ตัน 1-0 ซึ่งทำให้พวกเขาจะออกไปเยือนเชลซี ในรอบก่อนรองชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ต่อไป
เจ้าสาลิกาดง ชนะ 11 นัดและแพ้ 11 นัดจากเกมลีก 28 นัด และมีคะแนนน้อยกว่าคู่ต่อสู้ของพวกเขาอยู่ 18 คะแนน พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นในเกมรับภายใต้การคุมทีมของโรเดอร์ อดีตกองหลังของนิวคาสเซิล โดยเสียไปเพียง 2 ประตูจากเกมลีก 5 นัด
นิวคาสเซิล ไม่เคยเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เลยนับตั้งแต่ชัยชนะ 4-3 ที่สนามเซนต์ เจมส์ พาร์ค เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2001 พวกเขาไม่เคยออกจากโรงละครแห่งความฝันโดยเก็บได้ 3 คะแนนเต็มในพรีเมียร์ชิพ ชัยชนะครั้งหลังสุดของพวกเขาที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด คือชัยชนะ 2-0 เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 1972
ฟอร์มการเล่นของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
อันดับที่ 2 มี 57 คะแนน (ก่อนเริ่มเกมพรีเมียร์ชิพในสุดสัปดาห์นี้)
ต้องการอีก 3 ประตูจะทำสถิติทำประตูในลีกรวมทั้งหมดครบ 7,000 ประตู
ต้องการชัยชนะอีก 1 ครั้งจะทำสถิติคว้าชัยชนะในลีกรวมทั้งหมดครบ 1,900 ครั้ง
ชนะ 4 นัดจาก 5 นัดหลังสุดในทุกรายการ
ชนะ 3 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ชิพในการพบกับฟูแล่ม (เหย้า), ปอร์ทสมัธ (เยือน) และวีแกน (เยือน)
แพ้ 1 นัดจาก 5 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ชิพ
ทำประตูได้ทุกนัดในเกมลีก 6 นัดหลังสุด
การเสมอแบบไร้สกอร์ในเกมเยือนอาร์เซน่อล เมื่อวันที่ 3 มกราคม เป็นเพียงนัดเดียวจากเกมลีก 22 นัดที่ทำประตูไม่ได้ นับตั้งแต่การเสมอแบบไร้สกอร์ในพรีเมียร์ชิพอีกเพียงนัดเดียวในเกมเยือนลิเวอร์พูล เมื่อวันที่ 18 กันยายน
แบล็คเบิร์น (2 นัด), มิดเดิ้ลสโบรซ์ และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นสโมสรที่เคยชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ในลีกฤดูกาลนี้
ทำได้ 54 ประตูในลีก เฉลี่ยนัดละ 2 ประตู
เกมลีก 27 นัดมีประตูเกิดขึ้น 82 ประตู (ได้ 54, เสีย 28)
ถ้านัดนี้ไม่เสียประตูจะเป็นนัดที่ 225 ในพรีเมียร์ชิพที่ไม่เสียประตู
ชนะ 7 นัดหลังสุดในทุกรายการที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด
ชนะ 12 นัดและเสมอ 4 นัดในทุกรายการที่ลงเล่นในบ้าน
ไม่แพ้ใครในเกมเหย้า 9 นัดในพรีเมียร์ชิพ
ชนะ 7 นัดและเสมอ 2 นัดในพรีเมียร์ชิพที่โรงละครแห่งความฝัน นับตั้งแต่แพ้แบล็คเบิร์น 1-2 เมื่อวันที่ 24 กันยายน
ทำประตูในเกมเหย้าได้ทุกนัดในลีกฤดูกาลนี้
ไม่เสียประตู 5 นัดจากเกมลีก 8 นัดหลังสุดที่ลงเล่นในบ้าน
นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
อันดับที่ 11 มี 39 คะแนน (ก่อนเริ่มเกมพรีเมียร์ชิพในสุดสัปดาห์นี้)
ไม่แพ้ใครใน 6 นัดหลังสุดในทุกรายการ นับตั้งแต่ที่แพ้ 0-3 ในเกมเยือนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในพรีเมียร์ชิพเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์
แพ้ 1 นัดจาก 8 นัดหลังสุดในทุกรายการ
ถ้าแพ้ในนัดนี้จะทำสถิติแพ้ในพรีเมียร์ชิพรวมทั้งหมดครบ 150 นัด
เก็บได้ 13 คะแนนจากทั้งหมด 15 คะแนนหลังสุด และเป็นอันดับที่ 2 ในตารางฟอร์มการเล่น 6 นัดหลังสุด
ทำประตูไม่ได้ในพรีเมียร์ชิพ 14 นัดในฤดูกาลนี้ เป็นสถิติมากกว่าสโมสรอื่นยกเว้นเบอร์มิงแฮม ที่ทำประตูไม่ได้ 14 นัดเช่นกัน
ผ่านไปแล้ว 8 นัดนับตั้งแต่การเสมอแบบมีสกอร์ในลีก (2-2 เกมเหย้าพบกับมิดเดิ้ลสโบรซ์ เมื่อวันที่ 2 มกราคม)
ทำประตูได้น้อยกว่าสโมสรอื่นในช่วง 20 นาทีแรกของเกมพรีเมียร์ชิพ (3 ประตู)
แพ้ 11 นัดจากเกมลีก 12 นัดที่คู่ต่อสู้ทำประตูแรกได้ก่อน
มีนักเตะที่ทำประตูได้ในพรีเมียร์ชิพฤดูกาลนี้แตกต่างกันน้อยที่สุด (7 คน)
มีเกมรับที่เหนียวแน่นที่สุดในบรรดาสโมสรในครึ่งล่างของตาราง (เสีย 30 ประตูจาก 28 นัด)
แพ้ 4 นัดจากเกมเยือน 6 นัดหลังสุดในทุกรายการ
เกมที่ชนะแอสตัน วิลล่า 2-1 ซึ่งเป็นเกมเยือนนัดล่าสุดในพรีเมียร์ชิพเป็นการสิ้นสุดการพ่ายแพ้และทำประตูไม่ได้ในเกมเยือน 4 นัดติดต่อกัน
ข้อมูลของผู้เล่นทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
รุด ฟาน นิสเตลรอย และเธียร์รี่ อองรี นำเป็นนักเตะในพรีเมียร์ชิพที่ทำประตูได้มากที่สุดในฤดูกาลนี้คนละ 22 ประตู และดาวยิงดัตช์แมน นำเป็นดาวซัลโวสูงสุดของพรีเมียร์ชิพทำได้ 19 ประตู มากกว่าอองรี 2 ประตู
ฟาน นิสเตลรอย และเวย์น รูนี่ย์ ทำรวมกันไปแล้ว 29 ประตูจาก 54 ประตูที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำได้ในลีก
ฟาน นิสเตลรอย ต้องการอีก 2 ประตูจะทำได้ครบ 150 ประตูให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ถ้าแกรี่ เนวิลล์ ลงเล่น จะเป็นการลงเล่นนัดที่ 500 ในฟุตบอลอาชีพ ทั้งหมดลงเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ถ้าเวย์น รูนี่ย์ ลงเล่นตั้งแต่ต้นเกม จะเป็นการลงเล่นเป็นตัวจริงในพรีเมียร์ชิพนัดที่ 50 ให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
หลุยส์ ซาฮา เคยถูกยืมตัวไปเล่นให้กับนิวคาสเซิล โดยยืมตัวจากเอฟซี เม็ตซ์
นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
ถ้าออมดี้ เฟย์ และอัลเบิร์ต ลูเก้ ลงเล่น จะเป็นการลงเล่นในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 29 ปีและ 28 ปีตามลำดับ
อลัน เชียเรอร์ เป็นดาวซัลโวสูงสุดพรีเมียร์ชิพตลอดกาลทำได้ 256 ประตู
เชย์ กิฟเว่น ผู้รักษาประตูเป็นนักเตะเพียงคนเดียวที่ลงสนามครบทุกนาทีในเกมพรีเมียร์ชิพฤดูกาลนี้ของนิวคาสเซิล
ผลการแข่งขันที่สนามโอล์ด แทรฟฟอร์ด ในฤดูกาลที่แล้ว
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 – 1 นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
วันที่ 24 เมษายน 2005
ผู้ตัดสิน : นีล แบร์รี่
ผู้ทำประตูให้ แมนฯ ยูไนเต็ด : รูนี่ย์ น. 57, บราวน์ น. 75
ผู้ทำประตูให้ นิวคาสเซิล : อัมโบรส น. 27
ผลการแข่งขันที่พบกันนัดแรกในฤดูกาลนี้
นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 0 – 2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
วันที่ 28 สิงหาคม 2005
ผู้ตัดสิน โฮเวิร์ด เวบบ์
ผู้ทำประตูให้ แมนฯ ยูไนเต็ด : รูนี่ย์ น. 66, ฟาน นิสเตลรอย น. 90
สถิติการพบกันทั้งหมด
ในลีก แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 64 ครั้ง, นิวคาสเซิล ชนะ 38 ครั้ง, เสมอ 33 ครั้ง
ในพรีเมียร์ชิพ แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 14 ครั้ง, นิวคาสเซิล ชนะ 3 ครั้ง, เสมอ 8 ครั้ง
สถิติการพบกันที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด
ในลีก แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 40 ครั้ง, นิวคาสเซิล ชนะ 9 ครั้ง, เสมอ 18 ครั้ง
ในพรีเมียร์ชิพ แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 7 ครั้ง, นิวคาสเซิล ชนะ 0 ครั้ง, เสมอ 5 ครั้ง
DaKinG

By Troy